26/10/64

เที่ยวสุพรรณบุรี

หอเกียรติยศ ฯพณฯ บรรหาร  ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21

จากความสามัคคีและร่วมแรงร่วมใจกันของพี่น้องชาวสุพรรณบุรี ที่ได้ร่วมบริจาคเงินส่วนตัว ก่อสร้างหอเกียรติยศ ฯ พณฯ บรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นสถานที่ศึกษาด้านประวัติศาสตร์การเมืองไทย และเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตแก่เยาวชน ปัจจุบันถือเป็นหน่วยงานหนึ่งของสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร โดยหอเกียรติยศฯ แห่งนี้ ออกแบบโดยกรมศิลปากร มีลักษณะเป็นอาคาร 2 ชั้น ภายในจัดแสดงประวัติและผลงานของ ฯ พณฯ บรรหาร ศิลปอาชา ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ของประเทศไทยโดยชั้น 1 จำลองบรรยากาศร้าน "ย่ง หยู ฮง" ในตลาดสุพรรณบุรี ประมาณ พ.ศ. 2487 แสดงภาพชีวิตวัยเด็กและหน้าที่รับผิดชอบที่เด็กชายบรรหารในวัย 12 ปี มีต่อครอบครัว เรื่องราวของนักสู้ชีวิตจากสุพรรณบุรีที่ช่วยพี่ชายทำงานจนกระทั่งภายหลังประกอบธุรกิจเป็นของตนเอง จนมีฐานะมั่นคง การจัดแสดงช่วงเวลาสำคัญต่าง ๆ ในชีวิตของนายบรรหารก่อนเข้าสู่การเมือง เช่น อุปสมบท สมรส และจัดแสดงผลงานด้านต่าง ๆ ที่นายบรรหารให้ความช่วยเหลือและพัฒนาจังหวัดสุพรรณบุรี ชีวิตทางการเมือง รวมทั้งบทบาททางการเมือง ชั้น 2 จัดแสดงผลงานและนโยบายสำคัญของรัฐบาล ขณะ ฯ พณฯ บรรหาร ศิลปอาชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตลอดจนเกียรติคุณต่าง ๆ ที่เคยได้รับ จนเรียกได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญที่ช่วยพัฒนาและสร้างความรุ่งเรืองต่าง ๆ ให้แก่จังหวัดสุพรรณบุรี แม้ปัจจุบันท่านจะล่วงลับไปแล้ว แต่ชื่อของนายบรรหาร ศิลปอาชา จะยังคงตราตรึงในหัวใจของประชาชนชาวสุพรรณอย่างไม่มีวันลบเลือน เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-อาทิตย์ตั้งแต่ 09.00-16.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ +66 3553 5119-21 โทรสาร +66 3553 5120






ที่อยู่ : เมืองสุพรรณบุรี, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/zBzY8
 
 
 
 

วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร

ถือเป็นวัดที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากคาดว่ามีอายุราว 1200 ปี โดยคาดว่าน่าจะสร้างขึ้นสมัยที่เมืองสุพรรณบุรีรุ่งเรือง โดยตามพงศาวการเหนือกล่าวว่า พระเจ้ากาแตทรงให้มอญน้อยมาบูรณะวัดป่าเลไลยก์ในปี พ.ศ. 1724 ปัจจุบันวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เช่น "หน้าบัน" ของวิหารมีเครื่องหมายพระมหามกุฎอยู่ระหว่างฉัตรคู่ บ่งบอกให้ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จธุดงค์มาพบสมัยยังทรงผนวชอยู่ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์แล้วจึงทรงมาปฏิสังขรณ์ เมื่อเข้ามาในวิหาร จะพบ "หลวงพ่อโต" ตัวพระเป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ซึ่งมีขนาดใหญ่ และนิยมสร้างเป็นพระบูชาสำหรับคนเกิดวันพุธกลางคืน นักปราชญ์หลายท่านเคยกล่าวว่า หลวงพ่อโตเดิมน่าจะเป็นพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา สร้างไว้กลางแจ้งเหมือนพระพนัญเชิงในสมัยแรก ๆ เพราะมักพบว่า พระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สร้างในสมัยก่อนอยุธยาและอยุธยาตอนต้น ส่วนมากชอบสร้างไว้กลางแจ้งเพื่อให้สามารถมองเห็นได้แต่ไกล ภายในองค์พระพุทธรูปนี้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากพระมหาเถรไลยลายจำนวน 36 องค์ ต่อมา เมื่อนมัสการหลวงพ่อโตเสร็จแล้ว ด้านหลังวัดจึงได้จัดสร้าง "คุ้มขุนช้าง" เป็นเรือนไทยไม้สักแบบโบราณหลังใหญ่ กว้างขวางตามบทพรรณนาเรือนของขุนช้างในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน เมื่อขึ้นไปบนเรือนจะเห็นฉากภาพวาดตัวละครขุนช้างสำหรับให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปเป็นที่ระลึก บนเรือนแต่ละห้องมีภาพบรรยายเล่าเรื่องขุนช้างขุนแผน มีตู้จัดแสดงภาชนะเครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฉากกั้นหรือถ้วยโถโอชามเก่าแก่แบบต่าง ๆ นับว่า คนที่ชื่นชอบวรรณคดีไทยเรื่องนี้ควรมาเยี่ยมชมเป็นอย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเดินทางมาสักการบูชาหลวงพ่อโตและชมสิ่งที่น่าสนใจต่าง ๆ ได้โดยในแต่ละปี จะมีงานเทศกาลสมโภชและนมัสการหลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ 2 ครั้ง คือ ในวันขึ้น 7-9 ค่ำ เดือน 5 และเดือน 12 หากมาในเวลาดังกล่าว ก็จะได้ชื่นชมบรรยากาศที่คึกคักไปอีกแบบ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 08.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 3552 5867, 0 3552 5880
 
 
 
 
 
ที่อยู่ : ถนนมาลัยแมน เมืองสุพรรณบุรี, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/XlnUj


วัดหน่อพุทธางกูร (วัดมะขามหน่อ)

หนึ่งในวัดที่เงียบสงบและเป็น 1 ใน 9 วัดที่มีความสำคัญมากของจังหวัดสุพรรณบุรี จากคำบอกเล่าของชาวบ้านถึงการก่อตั้งวัดหน่อพุทธางกูรนั้น ว่ากันว่าเมื่อคราวกบฏเจ้าอนุวงศ์ ปี พ.ศ. 2369 มีชาวลาวถูกกวาดต้อนมาจากเวียงจันทน์ แล้วได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานบริเวณนี้ จากนั้นได้สร้างสำนักสงฆ์ขึ้นในบริเวณที่มีฐานอุโบสถเก่าอยู่ก่อน ต่อมาขุนพระพิมุขข้าหลวงในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้สร้างวัดขึ้นมาโดยให้ชื่อว่า " วัดมะขามหน่อ " กระทั่งในสมัยพระครูสุวรรณวรคุณ (คำ จนทโชโต) เป็นเจ้าอาวาส จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น " วัดหน่อพุทธางกูร " สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดคือ " พระอุโบสถเก่า " เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าก่ออิฐถือปูนขนาด 3 ห้อง ด้านหน้าโบสถ์มีมุขยื่นออกมามีเสารองรับอยู่ 4 ต้น หน้าบันและส่วนประดับต่าง ๆ เป็นไม้จำหลักงดงาม หลังคามุงกระเบื้องดินเผาปลายมน ฐานอาคารแอ่นโค้งเป็นรูปท้องเรือสำเภา ซึ่งเป็นลักษณะของสถาปัตยกรรมที่นิยมในสมัยอยุธยาตอนปลาย ดังนั้น จึงสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ภายในและภายนอกตัวอุโบสถนี้ มีจิตรกรรมที่มีความงดงามและวาดขึ้นโดยนายคำ ช่างหลวงชาวเวียงจันทน์ที่ถูกกวาดต้อนเมื่อคราวกบฏเจ้าอนุวงศ์ โดยภาพจิตรกรรมที่วาดนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับพุทธประวัติ ทศชาติชาดก พระเจดีย์จุฬามณี และเทพชุมนุม ภาพเขียนแสนสวยเหล่านี้ เป็นที่ต้องตาต้องใจและชวนหลงใหล สำหรับใครต่อใครที่ได้มาเยือน 
เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 8.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่+663554 3589, +668 1423 3145, +668 9836 2796





ที่อยู่ : เมืองสุพรรณบุรี, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/g4FIi
 
 
 

วัดไผ่โรงวัว

วัดไผ่โรงวัวหรือวัดโพธาราม เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสุพรรณบุรี สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2469 เป็นวัดที่มีพุทธศาสนิกชน และบุคคลทั่วไปนิยมไปเที่ยวชมกันอย่างไม่ขาดสาย ด้วยมีพุทธวัตถุและโบราณสถานสำคัญให้เยี่ยมชมได้มากมายหลายจุด เช่น "พระพุทธโคดม" พระพุทธรูปโลหะสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สร้างโดยท่านพระครูอุทัยภาคาธร (หลวงพ่อขอม) นอกจากนี้ยังมี "สังเวชนียสถาน 4 ตำบล" คือ สถานที่ที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนาและปรินิพพาน มีส่วนที่แสดงงานประติมากรรม เกี่ยวกับพุทธประวัตินรกภูมิ สวรรค์ภูมิ ส่วน "พระกะกุสันโธ" เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้านหน้าพระพุทธรูปมี "ฆ้อง และบาตร" ใหญ่ที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน รวมทั้ง "พระวิหารร้อยยอด" และ "พระธรรมจักร" ซึ่งหล่อด้วยทองสำริดใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ อีกมากมาย จนขึ้นชื่อเป็นวัดที่ใครมาเยือนสุพรรณบุรีแล้วต้องไม่พลาด เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่+66 3552 5867, +66 3552 5880
 
 
 
 
 
ที่อยู่ : 11 ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3422 สองพี่น้อง, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/0Pq7n



โบราณสถานบึงหนองสาหร่าย

ย้อนรอยบรรยากาศและกลิ่นอายของสถานที่ที่เคยใช้ตั้งทัพในสงครามยุทธหัตถีระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับพระมหาอุปราชาแห่งพม่า หรือโบราณสถานบึงหนองสาหร่าย หนองน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ ที่ในอดีตสมเด็จพระนเรศวรทรงเลือกบริเวณนี้เป็นที่ตั้งทัพเพราะมีปริมาณน้ำมากพอ ที่ช่วยในการดำรงชีพของทหารจำนวนแสนคน พร้อมช้าง ม้าได้พักอาศัยเป็นเวลาแรมเดือน ประกอบกับเป็นชัยภูมิที่ตั้งสูงห่างข้าศึก หากแต่ปัจจุบันสภาพหนองน้ำตื้นเขินและมีเนื้อที่เหลือเป็นหนองน้ำเพียง 29 ไร่ แต่บริเวณโดยรอบยังคงมีต้นไม้เรียงรายร่มรื่น เหมาะแก่การมาเยี่ยมชมและทัศนศึกษาสำหรับกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ตลอดจนผู้ที่สนใจเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 09.00-17.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่กรมศิลปากร โทร. +66 3554 5466-7 (ในเวลาทำการ 8.30-16.30น.)






ที่อยู่ : ดอนเจดีย์, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/TSb8V
 

 

แสดงความคิดเห็น

Whatsapp Button works on Mobile Device only